บทความต่ิอไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาของหนัง โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพ
เมื่อเราพูดถีงหนังเกี่ยวกับหมัดๆ มวยๆ ชื่อนักแสดงคนแรกที่นึกถึงเลยน่าจะเป็น เฉินหลง หรือ แจ๊คกี้ชาน ตามมาด้วย หงจินเป่า, เจ๊ทลี (หลี่เหลียนเจี๋ย) ที่เป็นนักแสดงเกี่ยวกับหมัดมวยเบอร์ต้นๆ ของฮ่องกง และเมื่อเห็นชื่อ ดอนนี่ เยน หรือ เจิ่นจื่อตัน เราแทบจะไม่รู้จักเค้าเลย จนกระทั่งช่วงหลังๆ มานี่ เห็นชื่อของเขานำแสดงในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งน่าจะพูดได้ว่าเป็นคนที่น่าจับตามองอีกคนที่น่าจะก้าวสู่วงการระดับโลกได้อย่างไม่ยากเย็น
ผลงานของ ดอนนี่ เยน ที่เคยผ่านตาเรามาแล้วหลายเรื่อง แต่เราไม่ค่อยได้สนใจมากนัก อาจด้วยเพราะบุคลิกของเขาที่ดูเป็นหนุ่มเนิบๆ ดูแล้วไม่มีพิษมีภัย ทำให้เขาไม่ได้โดดเด่นมากมายในสายตา เมื่อมาดูงานที่เขาเคยแสดงมา ไม่ว่าจะเป็น 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุยัดเซ็น ที่รับบทเป็นสิงห์พนันชีวิตรันทด, มังกรสร้างชาติ, ฮีโร่ ฯลฯ และกำลังจะเข้าโรงหนังในบ้านเราเร็วๆ นี้เรื่อง 14 Blades – 8 ดาบทรมาน 6 ดาบสังหาร
และเมื่อมาถึงเรื่อง ยิปมัน “ดอนนี่ เยน” ก็รับบทเป็นอาจารย์ยิป ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ ซึ่งได้เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า “ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกฟ้าลิขิตให้มาเล่นเป็นยิปมัน” ไม่เพียงคำพูดของเขาเท่านั้นที่พิสูจน์ว่าเขาเหมาะกับบทบาทนี้ เพราะหนังเรื่องยิปมันภาคแรกที่เข้าฉายในปี 2008 ทำเงินในประเทศจีนทะลุหลัก 100 ล้านหยวน ผนวกกับ เก็บเงินในฮ่องกงได้อีก 25 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าหนังเรื่อง ยิปมัน กลายเป็นหนังแจ้งเกิดและทำเงินสูงสุดของ ดอนนี่ เยน เลยทีเดียว
และเมื่อปรากฏการณ์ ยิปมันภาค 2 ซึ่งเป็นอาจารย์มวยของนักบู๊ชื่อก้องโลก บรู๊ซลี กลับมาอีกครั้ง ทำให้บรรดาแฟนๆ ที่เคยชื่นชอบ และชื่นชมผลงานจากภาคแรก ตามติดเกาะขอบจอเพื่อรอดูหนังกัน
ยิปมัน ภาค 2 นี้ เป็นเรื่องราวชีวิตของยิปมัน อาจารย์มวยหย่งชุน ที่อพยพหนีภัยจากเมืองฝอซาน ประเทศจีน มาหาที่พักพิงแห่งใหม่คือ เกาะฮ่องกง ซึ่งในช่วงนั้น ฮ่องกง กำลังโดนอังกฤษเข้ายึดครอง โดยอาจารย์ยิปมัน ได้เปิดโรงเรียนสอนมวยหย่งชุน แต่ทว่าการเปิดโรงเรียนสอนมวย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขาต้องฝ่าด่านอาจารย์หง และ อาจารย์มวยท่านอื่น ๆ ให้ได้ภายในเวลาธูป 1 ดอก และยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อต้องต่อสู้บนโต๊ะกลมที่ยากต่อการทรงตัว แต่อาจารย์ยิปมันก็สามารถฝ่าฟัน และยืนหยัดได้ พร้อมกับได้รับการนับหน้าถือตาในบรรดาอาจารย์สำนักมวยต่างๆ โดยเฉพาะอาจารย์หง ซึ่งรับบทโดย หงจินเป่า จนกระทั่งเมื่อศักดิ์ศรีมวยจีนถูกย่ำยีจากฝรั่งตาน้ำข้าว การต่อสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีในสไตล์มวยหย่งชุนก็เริ่มต้น
จะว่าไปหนัง ยิปมัน ภาคนี้ ถ้าใครไม่ได้ดูภาคแรกมาน่าจะดูรู้เรื่อง เพราะตอนเปิดเรื่องมีการย้อนไปถึงเหตุการณ์สำคัญในภาคแรก ก่อนเข้าต่อภาคที่ 2 โดยรวมสิ่งที่หนังพยายามบอกกล่าวแก่คนดูถือว่าทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็น การเอาใจใส่ท่วงท่าของมวยจีน สถานที่ที่ใช้เป็นที่ถ่ายทำ ต่างก็ล้วนทำให้คนดู ดูแล้วอินไปกับเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
เสียงพากย์จากทีมพันธมิตร เชื่อมือได้เลยว่าขำกลิ้ง ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าอาจมีการพากย์นอกเรื่องนอกราวอยู่บ้าง แต่ก็ให้อารมณ์ฮาได้เป็นอย่างดี เป็นทีมพากย์ที่น่ายกย่อง เพราะสามารถทำให้คนดูหัวเราะเสียงดังลั่นโรงกันเลย
ในส่วนการแสดงของ ดอนนี่ เยน ที่มารับบทเป็น อาจารย์ ยิปมัน คงไม่ต้องพูดมากมายอะไร ด้วยความสามารถในการเข้าถึงบทบาทของเขา พิสูจน์ให้เห็นกันแล้วจากภาคแรก และมาภาคนี้ ก็ไม่ได้ทำให้ใครผิดหวัง ถือเป็นนักแสดงฮ่องกงที่เป็นตัวเต็งก้าวสู่ระดับโลกได้ไม่ยากเย็น
ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ที่เราไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ หงจินเป่า นักแสดงบทบู๊แอ๊คชั่นที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี มาตั้งแต่สมัยหนังฮ่องกงยังบูมทางรายการโทรทัศน์บ้านเรา ในเรื่องนี้ หงจินเป่า นอกจากจะเป็นนักแสดงตัวสำคัญของเรื่องแล้ว ยังเป็นผู้กำกับคิวบู๊ของเรื่องนี้อีกด้วย ถึงตัวจะอ้วนและอายุมากขึ้น แต่การต่อสู้ไม่เคยช้าลงเลย น่านับถือจริงๆ
และนักแสดงสมทบท่านอื่นๆ ต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี แต่ที่ชอบน่าจะเป็นลูกชายคนเล็กของอาจารย์หงที่น่ารักน่าหยิก ประกอบกับเสียงพากย์ยียวนของทีมพันธมิตร ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะให้ฮาครืนทั้งโรง
สรุปโดยรวมแล้ว หนังเรื่อง ยิปมัน เป็นหนังที่เน้นในเรื่องของคุณธรรมที่มีของคนจีน ที่ให้ความสำคัญกับผู้อาวุโส และให้ความสำคัญต่อศิลปะการต่อสู้ หมัด มวย จากทุกสำนัก และที่สำคัญเน้นให้คนทุกคน ถึงเกิดมาแตกต่างทางชาติพันธุ์ แต่ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ควรมองคนอื่นให้ต่ำต้อยกว่าตนเอง ถือได้ว่าเป็นหนังที่ให้สาระ ความสนุก ครบอารมณ์จริงๆ โดยเฉพาะทีมพากย์ ชอบเป็นพิเศษ.